วันพฤหัสบดีที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

วิทยาศาสตร์ ศาสตร์ทำลายล้างลัทธิดาร์วิน และลัทธิปฏิเสธพระเจ้า

                วิทยาศาสตร์เป็นศาสตร์ศัตรูของลัทธิความเชื่อแบบดาร์วิน (DARWINISM)  คือศาสตร์ตัวยงที่ยังปฏิปักษ์ต่อระบบความคิดแบบดาร์วิน และผลลัพธ์เชิงประจักษ์ของศาสตร์นี้คือ การจู่โจมลัทธิอื่นๆไม่ว่าจะทำลายระบบมาร์กซิส (MARXIST), ลัทธิปฏิเสธพระเจ้า (ATHEIST) และ ระบบความคิดแบบดาร์วิน (DARWINISM THOUGHT) คือศาสตร์สำคัญที่ล้มล้างโฆษณาชวนเชื่อเกี่ยวกับการวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตอย่างกระจุยกระจาย โดยสร้างความตกอับต่อนักวิวัฒนาการนิยมจากคดีการสร้างเรื่องโกหกพกลมต่อมวลประชาชาติเป็นเวลายาวนาน จนกระทั่งคนทั้งมวลต่างรับรู้ถึงความอธรรมของลัทธินี้ ไม่ว่าพวกเขาจะพลิกลิ้นไปเพียงใด วิทยาศาสตร์จะตามไปจิกความจริงมาแสดงเป็นประจักษ์อยู่ร่ำไป
                ถึงกระนั้น บทบาทสำคัญของวิทยาศาสตร์ไม่ได้หยุดอยู่แค่นี้ มันยังเป็นศัตรูตัวฉกาจที่คอยทำลายล้างความเชื่อปฏิเสธพระเจ้า (ANTI-PAGAN) อีกทั้งยังถอนรากถอนโคนระบบความเชื่อแบบเสี่ยงทายและลัทธิผิดแปลกทั้งหลาย โดยที่วิทยาศาสตร์ได้จับติดเกมสกปรกของลัทธิดาร์วิน (DARWINISM) ที่ได้สร้างบทบาทการต้านคริสนจักรทั่วอาณาโลกา เพียงเพื่อสถาปนาศาสนาใหม่ขึ้นมาแทนที่ ภายใต้สโลแกนการปฏิเสธพระเจ้าผู้ทรงสร้างสากลโลกอย่างแท้จริง ซึ่งวิธีการที่ทำกันอย่างแพร่หลายนั้น คือการโฆษณาชวนเชื่อต่อประชาชีทั้งหลายผ่านสื่อต่างๆ การแทรกซึมฐานความคิดไปสู่ระบบการศึกษา และการป้อนวิทยาศาสตร์(ที่เอนเอียงความเชื่อตามเขา)ผ่านตำราเรียน ที่พวกเขาได้กุขึ้นมาเอง
เกมสกปรกที่ได้กล่าวไปนั้น คือ การที่นักวิวัฒนาการนิยมได้เคยสะกดจิตคนทั้งมวล ให้ลุกขึ้นต่อต้านระบบคริสนจักรนั้น โดยใช้กลไกการนำเสนอวิทยาศาสตร์ (แบบผิดๆ) เพียงเพื่อกักกันความเชื่อต่อคริสต์ศาสนานั้นเอง
นักวิวัฒนาการนิยมต้องตกอยู่ในอาการตะลึงเมื่อวิทยาศาสตร์ที่เขาเคยคิดเป็นเพื่อนที่แสนดี เป็นเพื่อนพึ่งพายามยาก กลับกลายเป็นศัตรูตัวฉกาจในการทำลายล้างระบบความเชื่อต่างๆ (ดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น) ไปต่อหน้าต่อตา พวกเขากลับรู้สึกหดหู่ใจเมื่อวิทยาศาสตร์ที่เขาใช้เป็นเครื่องมือขดโกงประชาชน กลับกลายเป็นศาสตร์ยืนยันการมีอยู่จริงของพระเจ้า ซ้ำร้ายไปกว่านั้น มีนักวิทยาศาสตร์ได้สารภาพต่อผู้คนทั้งหลาย ว่าตนได้ยอมจำนนต่อเอกภาพของอัลลอฮฺเสียแล้ว
Mark Czarnecki นักวิวัฒนาการรุ่นบรรพกาลอีกคนหนึ่ง ได้ให้ข้อเสนอแนะไว้ว่า
“ปัญหาอันใหญ่หลวงของทฤษฎีวิวัฒนาการอยู่ที่หลักฐานทางฟอสซิลวิทยา ร่องรอยของมันถูกฝังลึกลงไปใต้ธรณี และมันก็ไม่เคยเผยตัวออกมา เพื่อสนับสนุนแนวความคิดเรื่องการเกิดสิ่งมีชีวิตแบบก้ำกึ่งของดาร์วินเลย แต่สิ่งที่เรากลับพบคือ มีสิ่งชีวิตรูปแบบอื่นมาแทนที่ ซึ่งทำให้ระบบความเชื่อเรื่องการเกิดสิ่งมีชีวิตโดยไม่มีผู้สร้างถึงคราวล้มเหลว แต่กลับต้องยอมจำนนว่าพวกมันต้องเกิดขึ้นมาจากน้ำมือของพระเจ้า” (Mark Czarnecki, "The Revival of the Creationist Crusade", MacLean's, January 19, 1981, p. 56.)
                เมื่อศตวรรษที่ 21 มาพร้อมกับความจริงที่สร้างความเชื่อมั่นต่อผู้ศรัทธาในอัลลอฮฺ เมื่อเครื่องมือ อุปกรณ์ได้ถูกพัฒนาขึ้น สัจธรรมที่พระเจ้าได้ตรัสไว้ ในคัมภีร์ของพระองค์ได้ถูกเปิดเผย (ซึ่งเป็นความรู้เพียงน้อยนิดที่มนุษย์สามารถรับรู้ได้) เช่น เรื่องมหัศจรรย์ของยุง (บทอัลบากอรอฮฺ โองการ 26), เรื่องของแมลงจอมขยัน ที่รู้จักในนาม ผึ้ง (บทอันนาฮลฺ โองการ 28),การเคลื่อนตัวของดาวเคราะห์ต่างๆในวงโคจร (บทอัดดาห์ริยาด โองการ 7), เรือที่แล่นอยู่บนผิวน้ำ (บทอัลฮัจย์ โองการ65), พัฒนาการของพุ่มไม้กลายเป็นใบเขียวของพืช (บทอัลอันอาม โองการ59) และชั้นฟ้าทั้งเจ็ด (บทอัลอิสรออฺ โองการ 44) ต่างๆเหล่านั้น อัลลอฮฺได้เรียกให้ผู้ศรัทธาเพ่งพิจารณาใคร่ครวญสัญญาณที่พระองค์ได้สร้างขึ้น เพื่อให้ผู้ศรัทธาได้เชื่อมั่น และปฏิบัติตามแนวทางของพระองค์ด้วยความตั้งมั่นและจงรักภักดี
                ดั่งที่พระองค์ได้ทรงตรัสไว้ในบทศอด โองการ 29 ความว่า
                คัมภีร์(อัลกุรอาน) เราได้ประทานลงมาด้วยความจำเริญ เพื่อพวกเขาจะได้พินิจพิจารณาโองการต่างๆของอัลกุรอาน และเพื่อปวงผู้มีสติปัญญาจะได้ใคร่ครวญ
                พระองค์ได้ตรัสในทอัลบากอรอฮฺ โองการ 26 ไว้ว่า
                แท้จริงอัลลอฮฺไม่ทรงละอาย ในการที่พระองค์จะทรงยกอุทาหรณ์ใดๆ ขึ้นเปรียบเทียบไม่ว่าจะเป็นยุงสักตัวหนึ่ง แล้วก็สิ่งที่ยิ่งไปกว่านั้นก็ตาม ส่วนบรรดาผู้ศรัทธานั้น พวกเขาย่อมรู้ดีว่าแท้จริงมัน คือ ความจริงที่มาจากพระเจ้าของพวกเขา และส่วนบรรดาผู้ปฏิเสธการศรัทธานั้นพวกเขาจะพูดว่า อัลลอฮฺทรงประสงค์สิ่งใดในการยกอุทาหรณ์ด้วยสิ่งนี้ พระองค์ทรงทำให้ผู้คนมากมายหลงผิดด้วยอุทาหรณ์นั้น และทรงแนะนำทางที่ถูกต้องแก่คนมากมายด้วยอุทาหรณ์นั้น และพระองค์ไม่ทรงให้ใครหลงผิดด้วยอุทาหรณ์นั้น นอกจากผู้ที่ฝ่าฝืนเท่านั้น”
                พระองค์ทรงตรัสในบทอัลฮัจย์ โองการ 73 ความว่า
                โอ้มนุษย์เอ๋ย อุทาหรณ์หนึ่งถูกยกมากล่าวไว้แล้ว ดังนั้นพวกเจ้าจงฟังมันให้ดี แท้จริงบรรดาที่พวกเขาวิงวอนขอความช่วยเหลืออื่นจากอัลลอฮฺนั้น พวกมันไม่สามารถจะให้บังเกิดแม้แต่แมลงวันสักตัวหนึ่ง หากว่าพวกมันจะรวมหัวกันเพื่อการนั้นก็ตาม และถ้าแมลงวันพาสิ่งใดหนีไปจากพวกมัน พวกมันก็ไม่สามารถจะเอามันกลับคืนมาได้จากแมลงวัน ทั้งผู้ขอ และผู้ถูกขอ อ่อนแอแท้ๆ
                ในบทอัลฮัชรุ โองการ 24
พระองค์อัลลอฮฺทรงบันดาล ทรงประดิษฐ์ ทรงกำหนดรูปสันถาน พระองค์ทรงพระนามอันไพจิตร สรรพสิ่งในฟากฟ้าและแผ่นดินต่างแซ่ซ้องสดุดีพระองค์ และพระองค์ทรงอำนาจเป็นที่สุด ทรงปรีชาญาณเป็นที่สุด” 
และนี่คือวิทยาศาสตร์ ที่ทำให้เราได้กระจ่างในเรื่องของการวงจรชีวิตยุง การใช้ท่อดูดเลือดเข้าไปสู่กระบวนการของร่างกายมัน, ความมหัศจรรย์ในกระบวนการสังเคราะห์แสงของพืชใบเขียว, สมบัติบางประการของน้ำที่อนุญาตให้เรือแล่นบนน้ำได้ , ชั้นฟ้าที่แขวนเองได้โดยปราศจากเสาค้ำยำ ฯลฯ เหล่านี้เป็นผลงานของวิทยาศาสตร์ ที่มันเป็นเครื่องมือ (อย่างหนึ่ง)ที่อัลลอฮฺทรงเปิดเผย และทรงผูกมัดใจของผู้ศรัทธาให้ตั้งมั่นในสายเชือกของพระองค์อย่างมั่นคง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น