วันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2554

นวนิยายอมตะฉบับดาร์วินนิซึม

นวนิยามอมตะฉบับดาร์วินนิซึม1
แปลและเรียบเรียง อิบินอุม2
จากงานวิจัย(งานทำนายมากกว่า-ผู้)ของดาร์วิน ระบุไว้ว่า มนุษย์และวานร (apes) มีบรรพบุรุษเดียวกัน (กล่าวคือคนไม่มีหางยางเราๆนี้ มีบรรพบุรุษที่เป็นมนุษย์ลิงหรือวานร-ผู้แปล) ถึงแม้ว่าการคาดเดานี้จะเป็นตัวจุดประกายความอยากรู้ของผู้มนุษย์มาตั้งแต่กลางศตวรรษที่19แล้ว แต่มันก็ไม่สามารถหาข้อพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ได้ และมันก็ทำให้คนอยู่ในความงงงวยกับความคิดนี้เป็นเวลาอันยาวนาน
หลักฐานทางฟอสซิลที่ถูกรวบรวมไว้ ได้ยืนยันไว้ว่าลิงก็ยังคงเป็นลิง และคนก็ยังคงเป็นคนอยู่วันยังค่ำ เป็นไปไม่ได้เลยที่ลิงอยู่ดีๆจะกลายมาเป็นคน (ถึงแม้จะมีเวลาเพียงพอก็ตาม-ผู้แปล) และบรรดาวานรเจี๊ยกๆทั้งหลายก็ไม่ได้เป็นบรรพบุรุษของคนอย่างเราด้วยเช่นกัน
ถึงกระนั้นก็ตามลัทธิดาร์วินนิยมก็ได้ประโคมสื่ออย่างหนัก เพื่อให้แนวคิดของเขาสามารถดำเนินไปได้ (ไม่ว่าจะทางโทรทัศน์ วิทยุ อินเตอร์เน็ต อะไรต่อมิอะไร - ผู้แปล) และเข้าคุกคาม(บิดเบือน)วงการทางวิชาการอย่างแรงกล้า (ลัทธิพวกนี้ได้เข้าไปแพร่กระจายในโรงเรียน ในวงการศึกษาประเทศทุกระดับชั้น - ผู้แปล)  จนมีนักวิทยาศาสตร์บางท่านออกโรงปกป้องความจริง และหนึ่งในนักบรรพชีวินวิทยา (Paleontologist) แห่งมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด นามDavid Pilbeam ผู้ยืนยันทฤษฎีวิวัฒนาการของมนุษย์นั้นไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์สนับสนุน ซึ่งเขากล่าวถึงความดื้อด้านของพวกดาร์วินนิยม ไว้ว่า
1.       Harun Yahya, "Atlas of Creation1", GLOBAL PUBLISHING, November 2008.p.576-577.
2.      สมาชิกอัซซาบิกูน เว็บไซต์ www.อิสลาม.net         www.antirafidah.com
     3.  Cliff, Conner, "Evolution vs. Creationism: In Defense of      Scientific Thinking", International Socialist Review (Monthly Magazine Supplement to the Militant), November 1980.
    4. Ali Demirsoy, Kalitim ve Evrim (Inheritance and Evolution), Ankara: Meteksan Publishing Co., 1984, p. 61.

ถึงแม้ว่าเราจะเอานักวิทยาศาสตร์ที่เก่งที่สุด มาหักล้างความเท็จที่พวกเขาได้ทำไว้ เชื่อไว้เลย สิ่งที่เราจะได้ยินจะพวกเขา คือ หยุดเถอะ,คำพูด(หลักฐาน)แค่นี้หรือ ที่จะหยุดความคิดเราได้ 3
William Fix ผู้เขียนหนังสือชื่อ The Bone Peddlers เป็นหนังสือด้านบรรพชีวินศาสตร์ ได้เสนอความคิดเห็นถึงการเกิด “วิวัฒนาการ” ของคนนั้น เป็นเรื่องกุขึ้นมา โดยหาได้มีหลักฐานมาสนับสนุนไม่
ถึงตอนนี้เราได้ทราบแล้วว่า มีนักวิทยาศาสตร์ที่มีหลายท่านได้ยืนยัน “อย่างชัดเจน”ถึงการกำเนิดของมนุษย์ ด้วยหลักฐานที่ได้ทำการศึกษาค้นคว้ามา...4
เมื่อปราศจากฟอสซิลยืนยันอีกทั้งยังอาภัพที่จะหาหลักฐานอื่นๆมาสนับสนุนได้ จึงต้องอาศัยการกุเท็จขึ้นมา โดยทำการประดิษฐ์กะโหลกของสิ่งมีชีวิตตั้งแต่บรรพบุรุษ(ที่เป็นวานรเจี๊ยกๆ) ตามช่วงเวลา(ที่พวกเขาคิดว่าน่าจะเกิดขึ้น-ผู้แปล) จนถึงมนุษย์ปัจจุบัน แถมยังผูกเรื่องเป็นนวนิยายอีกเรื่องหนึ่ง (ที่กระฉ่อนโลก-ผู้แปล) อย่างกับว่ามีมนุษย์วานรเผ่าต่างๆเกิดขึ้นมาดำรงชีพ และสร้างอารยธรรมของโลกเลยทีเดียว
ในความเป็นจริงแล้วสิ่งมีชีวิตต่างๆไม่ได้เกิดจากกระบวนการวิวัฒนาการตามที่มีบุคคลได้แอบอ้างไป ทุกสิ่งมีชีวิตต่างมีที่มาจากการสร้างของพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงปรีชาญาณสูงสุด ระบบอวัยวะต่างๆรวมทั้งกะโหลกของสิ่งมีชีวิตล้วนแต่มาจากการอเนกสรรของพระเจ้าทั้งสิ้น หาได้เกิดจากวิวัฒนาการไม่ ดังเช่น นก สิงโต เสือ กระต่าย พืช ต้นไม้ ฯลฯ สิ่งชีวิตชนิดเดียวกันจะมีโครงสร้างที่เหมือนกันไม่ว่ามันจะผ่านระยะเวลานานไปเท่าไรก็ตาม พวกมันในวันนี้กับเพื่อนของมันในหมื่น หรือห้าร้อยล้านปีที่แล้วมีโครงสร้างทีไม่แตกต่างกัน
ฟอสซิลกะโหลกของเสืออายุ20 ล้านปี










ฟอสซิลกะโหลกของแรด อายุ20 ล้านปี





ฟอสซิลกะโหลกของหมาไน อายุ51ล้านปี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น